top of page
บทเพลง : Soir Païen
ประพันธ์ โดย : Georges Hüe   
เนื้อร้อง : André Lebey 
ที่มา : บทเพลง Soir Païen มาจาก Chansons lointaines ซึ่งเป็นบทเพลงชุดของฝรั่งเศษ ประพันธ์โดย Georges Hüe เเละประพันธ์เนื้อร้องโดย André Lebey ใน Chansons lointaines จะกอบไปด้วยทั้งหมดสี่บทเพลงมี Les barques éternelles, Complainte d'amour, Litanies passionnées เเละ Soir païen (avec flûte) เป็นบทเพลงสุดท้ายของชุด
800px-Karl_Millöcker_1883.jpg
อัตชีวประวัติ (Biography) 
Georges Hüe ( 1858 –1948 ) เกิดในแวร์ซายส์ (ฝรั่งเศส) ในครอบครัวสถาปนิกที่มีชื่อเสียง
ได้รับการศึกษาทางดนตรีกับชาร์ลส์โนด์  ในปี 1879 เขาได้รับรางวัลกรังปรีซ์เดอโรม เมื่อเขากลับไปปารีส ได้สร้างผลงานละครเวทีเรื่องแรก Les Pantins ("The Jumping Jacks") เป็นบทละครที่ใช้นักเเสดงน้อยมากโดยจะให้คนนึงเเสดงเป็นสองบทบาท ทำให้มีความน่าสนใจมาก เเละได้รับเสียงชื่นชมอย่างมาก

Hüe ประพันธ์อุปรากรเรื่องยาวเรื่องแรกของเขา "Le Roi de Paris" ละครอิงประวัติศาสตร์ที่มีเนื้อเรื่องย่อยเกี่ยวกับความรักที่ไม่สมหวัง

งานนี้ได้รับการกระตุ้นด้วยจินตนาการจากบทความของเชกสเปียร์ ในปี ค.ศ. 1919 ได้ประพันธ์เรื่อง  "Le Miracle" เป็นละครชุดซึ่งมีด้วยกันทั้งหมดห้าเรื่องที่ผสมผสานเรื่องราวในตำนานของ "Pygmalion" เข้ากับความมหัศจรรย์ทางศาสนา เเละเรื่องที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดเป็นเรื่อง "Dans Ombre de la Cathédrale" ที่มีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับอุดมการณ์ที่ขัดแย้งกันของสังคมนิยม และศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก

ในปี ค.ศ. 1920 ได้มีการจัดทำการเเสดงที่มีการเขียนให้การเเสดงของบัลเล่ต์ เเละศิลปะของจีนผสมผสานกัน สร้างขึ้นสำหรับเทศกาลฤดูใบไม้ผลิของจีน ในปี 1924 ผลงานสุดท้ายสร้างมาจากพื้นฐานของเทพนิยายโดยชาร์ลส์แปร์โรลท์

เนื้อเพลง : 

La lune glisse sous les bois
Sa paleur douce et opalune

Ecoutes tu toutes les voix
Monter du fond de toutes les ravines?

Soit silencieuse! Ecoute Ecoute
Une flûte prélude au fond du bois

Je rêve de formes sur la route
Qui font revivre l'autreois

Oublirons-nous que l’huere est brêve
Et que l'aurore reviendra

Les fleurs de nuit versent un rêve
Mais le soleil les referrmera

The moon slips under the woods
Its soft opalune palate

Do you listen to all the voices
Climb from the bottom of all the ravines?

Be silent! Listening Listening
A flute prelude to the bottom of the wood

I dream of shapes on the road
Which bring the other back to life

Will we forget that the hour is short
And that the dawn will return

The night flowers pour a dream
But the sun will close them

ดวงจันทร์
เหมือนกำลังล่องลอยอยู่ในผืนป่าที่มีสีเหมือนกับโอปอล

คุณได้ยินเสียงไหม
ที่ดังก้องมาจากพื้นล่างสุดของเหวลึก

เงียบ! ฟัง
เสียงของฟลุตที่ค่อย ๆ ลอยมา

ฉันฝันถึงทางเดินที่กว้างใหญ่
ซึ่งทำให้อยากจะกลับไปอีกครั้ง

เราจะลืมไปว่าช่วงเวลากลางคืนนั้นมันสั้น
และรุ่งอรุณจะกลับมา

ดอกไม้ยามค่ำคืนสู่ความฝัน
เเละดวงอาทิตย์จะขึ้นมาอีกครั้งนึง

จุดเด่นของบทเพลง 
บทเพลงนี้บรรยายถึงการอยู่ในความฝันที่เต็มไปด้วยสิ่งสวยงานเเละสิ่งน่าอัศจรรย์ ซึ่งไม่สามารถพบเจอได้ในโลกเเห่งความเป็นจริง เเละตัวของเราค่อย ๆ ฝันลงลึกขึ้นไปเรื่อย ๆ ซึ่งบทเพลงนี้ประพันธ์ในบันไดเสียง F เมเจอร์ ทำให้มีเสียงของเเนวทำนองนั้นฟังสบาย เเละสว่าง เพราะว่าผู้ประพันธ์ต้องการสื่ออารมณ์ของความฝันออกมา ทำให้เเต่งเเนวประสานให้บรรเลงเเบบ Arpeggio ซึ่งมีความหมายว่า "บรรเลงโน้ตในคอร์ดที่ล่ะตัวไม่พร้อมกัน" เเละกำกับการบรรเลงโดยใช้สัญลักษณ์ Assez lent et tres calme มีความหมายว่า "บรรเลงค่อนข้างช้าและสงบมาก" จากนั้นกำกับความดังเบาด้วยสัญลักษณ์ P ซึ่งมีความหมายว่า "บรรเลงเบา" เมื่อรวมกันเเล้วจะทำให้การบรรเลงของเเนวประสานนั้น จะบรรเลงโน้ตไป
ทีละตัวอย่างช้า ๆ เเละสงบทำให้สื่ออารมณ์ของการตกอยู่ในความฝันที่ล่องลอยไปเรื่อย ๆ ผู้ประพันธ์ได้เเต่งเพิ่มเเนวประสานโดยใช้เครื่องดนตรี
ฟลูต เข้ามาร่วมบรรเลงด้วยการบรรเลงโน้ตเป็นตัวขาวประจุดลากยาวไว้ เเละใช้สัญลักษณ์ ซึ่งมีความหมายว่า "บรรเลงเบา" มากำกับความดังเบาของการบรรเลง เพื่อสร้างอารมณ์ให้เหมือนกับการเครื่องไหวของความฝันที่ไหลไปอย่างช้า ๆ เเละค่อย ๆ ให้ความรู้สึกเหมือนกับฝันลงลึกไปเรื่อย ๆ 
tempsnip.png
(1) G. Hüe : Soir Païen, ห้องที่ 1-5
จุดเด่นอีกท่อนของบทเพลงนี้คือการที่เเต่งเเนวทำนองหลักของนักร้องให้มีการขับร้องโน้ตที่สูง เเต่มีสัญลักษณ์ P เป็นการกำหนดความดังเบาให้นักร้องต้องขับร้องในท่อนนี้ให้เบาเพื่อสื่ออารมณ์ของความสวยมากของดอกไม้ที่พบในความฝัน 
S1.png
S2.png
(2) G. Hüe : Soir Païen, ห้องที่ 55-59
งานออกแบบที่ไม่มีชื่อ (4).jpg
ผังเวทีการเเสดงเพลง Soir Païen  ในบทเพลงนี้จะประกอบผู้บรรเลงทั้งหมด 3 คน มีนักฟลูต 1 คน นักเปียโน 1 คน เเละนักร้อง 1 คน ในฉากนี้ ผมต้องการที่จะสื่ออารมณ์ของการอยู่ภายใต้ความทำให้เเสงไฟบนเวทีนั้นจะค่อยข้างมืดเต่ไม่น่ากลัวเพราะว่าฤดูนี้เป็นเหมือนกับการที่เราได้อยู่ท่ามกลางสิ่งสวยงามที่เราอยากจะเจอภายในความฝัน แต่ว่าการเพ้อฝันยังเป็นเหมือนการช่วยเติมเต็มทั้งกำลังใจในการทำสิ่งที่เรารักกำลังใจในการสู้เวลาเราเจอเรื่องร้าย
งานออกแบบที่ไม่มีชื่อ (9).jpg
ภาพฉากหลังบนเวทีของฤดูกาลแห่งการเพ้อฝัน ประกอบไปด้วย 2 บทเพลง  Soir Païen  เเละบทเพลง   Gern hab ich die Frau'n -  geküsst wunderlich  ผมต้องการที่จะสื่ออารมณ์ของการอยู่ภายใต้ความทำให้เเสงไฟบนเวทีนั้นจะค่อยข้างมืดเต่ไม่น่ากลัวเพราะว่าฤดูนี้เป็นเหมือนกับการที่เราได้อยู่ท่ามกลางสิ่งสวยงามที่เราอยากจะเจอภายในความฝัน แต่ว่าการเพ้อฝันยังเป็นเหมือนการช่วยเติมเต็มทั้งกำลังใจในการทำสิ่งที่เรารักกำลังใจในการสู้เวลาเราเจอเรื่องร้าย
bottom of page