top of page
บทเพลง : Lippen Schweigen
ประพันธ์ โดย :  Franz Lehár
เนื้อร้อง : Viktor Léon , Leo Stein 
ที่มา : บทเพลง “Lippen schweigen” เป็นเพลงร้องสไตล์ Waltz เป็นเพลงคู่ระหว่างพระเอก Danilo กับนางเอก Hanna  บทเพลงนี้อยู่ในฉากเต้นรำที่ทั้ง 2 กำลังจะถึงคิวที่จะได้เป็นคู่เต้นรำกัน ความน่าสนใจของบทเพลงนี้ คือการที่ทั้งสองเคยสัญญากันว่า จะไม่เอ่ยปากบอกรักกัน
ทว่า เสียงไวโอลินที่บรรเลงออกมาจะคล้ายกับการกระซิบคำว่ารักออกมาเบา ๆ  เเละจังหวะการเก้าเท้าในเเต่ล่ะก้าวตามจังหวะเต้นรำ ก็เหมือนกำลังร่ำร้องถึงความรัก หากเเต่คำว่ารักนั้น ไม่ได้หลุดออกมาจากปากของเค้าทั้งคู่เลย ซึ่งบทเพลงนี้มาจาก "The Merry Widow"  อาจแปลเป็นไทยได้ว่า “ม่ายสาวพราวเสน่ห์” เป็น Operetta แนวขบขัน มี 3 องค์ประพันธ์ดนตรีโดย Franz Lehár นักประพันธ์ชาวฮังการี และประพันธ์คำร้องภาษาเยอรมันโดย Viktor Léon และ Leo Stein
csm_franz_lehar_colourised_5d69a18b97.pn

อัตชีวประวัติ (Biography) 
Franz Lehár  (1870-1948) เกิดที่เมือง Komárom ประเทศฮังการี เกิดในครอบครัวนักดนตรี

เขาเรียนไวโอลินตั้งแต่อายุยังน้อย และเข้าเรียนที่ Prague Conservatory 

ต่อมาในปี ค.ศ. 1905 เขาถูกขอให้เขียนเพลงสำหรับ  "The Merry Widow"  เเละเเต่งเนื้อร้องเป็นภาษาเยอรมันโดย Viktor Léon และ Leo Stein อุปรากรเรื่องนี้สร้างจากการแสดงตลกของฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1861 ซึ่งมีชื่อว่า "Henri Meilhac Merry Widow" 

เเละเมื่อเรื่องนี้ออกเเสดงก็ประสบความสำเร็จในทันที เเละเป็นการนำไปสู่ยุคใหม่ของละคร

ในเวียนนา Lehár ใช้ดนตรีแนววอลทซ์พื้นบ้านในยุโรปตะวันออก แบบดั้งเดิม และแคนแคนของชาวปารีสในการปรับแต่งบทประพันธ์  งานนี้ประสบความสำเร็จในระดับสากล และเป็นความสำเร็จทางการเงินสำหรับ Lehár เเต่ถว่าเขาไม่สามารถทำปรากฏการณ์นี้ซ้ำได้ เพราะว่านักดนตรีบางคนแย้งที่ละครเรื่องนี้ดังเป็นเพราะ  "The Merry Widow" ได้ปรากฏขึ้นโดยบังเอิญหลังจากที่นักแต่งเพลง operetta รุ่นก่อนเสียชีวิตไป ต่อมาในปี 1916 ได้ประพันธ์ละครเรื่อง  "Die Sterngucker"  ต่อมาบทประพันธ์ของเขา ได้รับความสำเร็จครั้งใหม่หลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เมื่อเขาเริ่มเขียนบทประพันธ์ให้กับ Richard Tauber เป็นโอเปร่า

ชาวออสเตรียที่มีชื่อเสียง ทำให้ผลงานของเขากลับมามีความโด่งดังอีกครั้งหนึ่ง

 

เนื้อเพลง : 

Lippen schweigen, 's flüstern Geigen
Hab mich lieb!
All die Schritte sagen bitte, hab mich lieb!
Jeder Druck der Hände
deutlich mir's beschrieb
Er sagt klar, 's ist wahr, 's ist wahr,
Du hast mich lieb!


Bei jedem Walzerschnitt
Tanzt auch die Seele mit,
Da hüpft das Herzchen klein,
Es klopft und pocht: Sei mein! Sei mein!
Und der Mund, der spricht kein Wort,
Doch tönt es fort und immerfort:
Ich hab' dich ja so lieb, ich hab' dich lieb!


Jeder Druck der Hände
Deutlich mir's beschrieb...
Er sagt klar, 's ist wahr, 's ist wahr`
Du hast mich lieb!


 

Lips are silent, violins whisper,
love me!
All the steps say please love me!
Every squeeze of
my hands clearly described it to me
He says clearly, It's true, It's true,
You love me!


With every waltz cut, the soul dances too,
The little heart bounces, It knocks and pounds Be mine! Be mine!
And the mouth, which doesn't speak a word,
But it sounds on and on I love you so much, I love you! Every pressure of the hands
Clearly described it to me ... He clearly says, 'It's true,' It's true 'You love me! 
Lips are silent, violins whisper, love me!


my hands clearly described it to me
He says clearly, It's true, It's true,
You love me!

ไม่ยอมที่จะเปิดปาก เเต่เสียงไวโอลินกับกระซิบว่า
รักฉัน!
ทุกเก้าที่เดินกำลังบอกว่าโปรดรักฉัน!
ทุกครั้งที่เธอบีบมือของฉัน
เธอกำลังอธิบายความในใจให้ฉันฟัง
อย่างชัดเจนเขาพูดอย่างชัดเจนมันเป็นเรื่องจริงมันเป็นเรื่องจริง
คุณรักฉัน!

​ด้วยจังหวะของเครื่องสายที่กำลังดีดทุกครั้ง
มันทำให้จิตวิญญาณของฉัน
นั้นเต้นไปด้วยพร้อมกับเสียงหัวใจของฉัน
มันเต้นแรงได้โปรดเป็นของฉัน! เป็นของฉัน!
และปากที่พูดไม่ออกสักคำ
แต่พอดูเรื่อย ๆ 
เหมือนได้ยินว่า ฉันรักคุณมาก ฉันรักคุณ!


ทุกครั้งที่เธอบีบมือของฉัน
เธอกำลังอธิบายความในใจให้ฉันฟัง
อย่างชัดเจนเขาพูดอย่างชัดเจนมันเป็นเรื่องจริงมันเป็นเรื่องจริง
คุณรักฉัน!

จุดเด่นของบทเพลง : 
บทเพลง “Lippen schweigen”  เป็นเพลงที่อยู่ในฉากเต้นรำของงานเลี้ยงที่ตัวนางเอกได้จัดขึ้นเพื่อหาคู่ให้ตนเอง เเต่ทว่ากลับเจอตัวของพระเอกในงานครั้งนี้ด้วย ซึ่งครั้งหนึ่งทั้งสองคนเคยรักกันมาก่อน เเละยังคงมีใจให้กันอยู่เเต่ไม่ยอมบอกรักกัน ทำให้ผู้ประพันธ์มีการกำกับการบรรเลงด้วยสัญลักษณ์ Valse moderato ซึ่งมีความหมายว่า บรรเลงเพลงเป็นจังหวะเต้นรำสไตล์ Waltz ซึ่งประพันธ์ในบันไดเสียง G เมเจอร์ ทำให้มีเสียงที่ฟังดูสดใส เเละไม่มืดมน ผู้ประพันธ์ได้ประพันธ์เเนวประสานที่บรรเลงโดยเครื่องไวโอลินให้มีเสียงเหมือนกับการมากระซิบคำว่ารัก โดยเเต่งให้เครื่องไวโอลินนั้นบรรเลงโน้ตที่ละตัวขึ้นไปอย่างช้า ๆ เเละใช้สัญลักษณ์ Dolce มีความหมายว่า "บรรเลงให้ไพเราะ" เข้ามากำกับการบรรเลง ตามด้วยใช้สัญลักษณ์ PP ซึ่งมีความหมายว่า "เบา" มากำกับความดังเบาให้เหมือนกับการกระซิบ บรรงเลงส่งกันไปมากับเครื่องเชลโล่ เพราะผู้ประพันธ์ต้องให้เครื่องไวโอลิน เเละเครื่องเชลโล่เปรียบกับคู่รักที่กำลังหยอกล้อกันเเละบอกรักกัน เเทนตัวของพระเอกกับนางเอกที่ไม่ยอมบอกรักกัน
Li 1.png
(1) F. Lehar : Lippen schweigen, ห้องที่ 1-17
จุดเด่นของท่อนนี้ ผู้ประพันธ์ต้องการสื่ออารมณ์ตัวละคร Hanna หรือนางเอกของเรื่อง ที่กำลังขับร้องเเนวทำนองให้มีความรู้สึกเหมือนเขินอาย
ที่จะต้องบอกรักพระเอก ผู้ประพันธ์จึงประพันธ์เเนวทำนองนักร้องให้ร้องช้า ๆ เเละในทุกท้ายประโยคที่ขับร้องออกมาจะมีการลากโน้ตยาวตัว
โน้ตขาวประจุด เพื่อสื่ออารมณ์ของเขินอายออกมา โดยการใช้สัญลักษณ์ "Valse lento" ซึ่งมีความหมายว่าบรรเลงเป็นจังหวะเต้นรำเเบบช้า
เเละมีการกำกับความดังเบาด้วยสัญลักษณ์ P ซึ่งมีความหมายว่าบรรเลงหรือขับร้องเบาเพื่อสื่ออารมาณ์ของการที่บอกรักที่เบาเนืองจากเขินอาย
ที่จะบอกรัก 
หมี4.png
(2) F. Lehar : Lippen schweigen, ห้องที่ 49-65
งานออกแบบที่ไม่มีชื่อ (1).jpg
ผังเวทีการเเสดงเพลง Lippen Schweigen  จะประกอบไปด้วย นักร้อง 5 คน นักเปียโน 1 คน เเละวงสตริงควอร์เต็ต ประไปด้วยเครื่องดนตรี ไวโอลิน 2 คน วิโอลา และเชลโลอย่างละ 1 คน ผมตีความให้บนเพลงนี้มีฉากเหมือนกับการอยู่ท่ามกลางทุ้งดอกไม้ที่สวยงาน  
งานออกแบบที่ไม่มีชื่อ (8).jpg
ภาพฉากหลังบนเวทีของฤดูกาลแห่งการมอบให้ ประกอบไปด้วย 2 บทเพลง  Lippen Schweigen เเละบทเพลง Dunkelrote Rosen  ซึ่งเป็นฉากเหมือนกับการอยู่ท่ามกลางทุ้งดอกไม้ที่สวยงาน  ของฤดูใบไม้ผลิ 
bottom of page