top of page
บทเพลง : Empty Chairs at Empty Tables
ประพันธ์ โดย : Claude-Michel Schönberg
เนื้อร้อง : Alain Boublil     Jean-Marc Natel 
ที่มา :  มาจาก Musical จากเรื่อง Les Misérables ซึ่ง Empty Chairs at Empty Tables เป็นเพลงเดี่ยวที่ร้องโดยตัวละคร Marius ซึ่งกำลังไว้อาลัยต่อการตายของเพื่อน ๆ ทุกคนที่ถูกฆ่าตายที่เครื่องกีดขวาง 
เนื้อเรื่อง : Les miserables เป็นวรรณกรรมที่เขียนขึ้นโดย Victor Hugo มีเนื้อหาเกี่ยวกับการปฏิวัติฝรั่งเศสตั้งแต่ปี1789-1832 ชื่อ Les miserables หมายถึงคนในสังคมยุคนั้นที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ถูกเอารัดเอาเปรียบจากสังคม ตัวละครในเรื่องเป็นตัวแทนของคนในสังคมความหิวโหยจนต้องกลายเป็นขโมย และนักโทษที่ไม่ได้รับโอกาสจากสังคม ผู้หญิงยากจนลงแต่ความรักที่มีให้ต่อลูกทำให้ต้องยอมขายผม ขายฟันหน้า และกลายเป็นโสเภณีเด็กที่ถูกทอดทิ้งเร่ร่อนในปารีส ปัญญาชนผู้ต้องการเสรีภาพที่ต่อต้านรัฐบาล ท่ามกลางการแก่งแย่งอำนาจของชนชั้นปกครอง จากตัวละครในเรื่อง
เห็นได้ชัดว่าประชาชนยังไม่ได้รับประโยชน์จากสิ่งที่ชนชั้นปกครองกำลังทำอยู่ ตั้งแต่พระเจ้าหลุยส์ที่16 เเละพระนางมารีใช้ชีวิตอย่างหรูหรา ทอดทิ้งประชาชนที่กำลังอดอยาก และหนาวเหน็บ ดังนั้นวันที่14กรกฏาคม ค.ศ.789 จึงก่อกำเนิดขึ้นโดยประชาชนในปารีส บุกยึดคุกบาสตีย์เพื่อแสดงให้เห็นว่าประชาชนไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจอีกต่อไป
ดาวน์โหลด.jpg
อัตชีวประวัติ (Biography) :
Claude-Michel Schönberg (1944-2020) เป็นโปรดิวเซอร์ นักแสดง นักร้อง และนักแต่งเพลงละครเพลง
ที่รู้จักกันดี ผลงานที่สำคัญ ได้แก่ La Révolution Française (1973), Les Misérables (1980), Miss Saigon (1989), Martin Guerre (1996), The Pirate Queen (2006) และ Marguerite (2008) 

Schönberg เริ่มอาชีพของเขาในฐานะนักประพันธ์เพลง และนักร้อง เขาเขียนเพลงส่วนใหญ่ให้กับละครเพลง และโอเปร่า เช่นเรื่อง  La Révolution - Française ซึ่งเป็นละครรูปเเบบใหม่ของโอเปร่าเรื่องแรกของฝรั่งเศส  ในปี 1974 เขาเขียนเพลง และเนื้อเพลง ของเพลง "Le Premier Pas" ซึ่งกลายเป็นเพลงฮิตอันดับหนึ่งในฝรั่งเศสในปีนั้น โดยขายได้มากกว่าหนึ่งล้านชุด บทเพลงนี้ถูกผลิตโดยฟรังค์พอร์เซล ในปีนั้นเขายังเขียนเพลง " Waterloo " เวอร์ชันภาษาฝรั่งเศส จากนั้น Schönberg ก็ทำอัลบั้มที่เขาร้องเเละแต่งเอง และได้รับเสียงชื่นชมในแต่ละครั้ง ของการผลิตละครบรอดเวย์ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลโทนี่สิบสองรางวัลในปี 1987 และได้รับรางวัลแปดรางวัล ได้แก่ เพลงประกอบยอดเยี่ยมและเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
เนื้อเพลง : 
There's a grief that can't be spoken,
There's a pain goes on and on.
Empty chairs at empty tables,
Now my friends are dead and gone.

Here they talked of revolution,
Here it was they lit the flame,
Here they sang about tomorrow and tomorrow never came.

From the table in the corner,
They could see a world reborn,
And they rose with voices ringing,
And I can hear them now


The very words that they have sung
Became their last communion
On this lonely barricade, at dawn.

Oh my friends, my friends forgive me


That I live and you are gone
There's a grief that can't be spoken,
And there's a pain goes on and on

Phantom faces at the window,


Phantom shadows on the floor,
Empty chairs at empty tables where my friends will meet no more.
Oh my friends, my friends don't ask me


What your sacrifice was for
Empty chairs at empty tables
Where my friend will sing no more.

 

มันเป็นความเศร้าโศกที่ไม่สามารถพูดได้
มีความเจ็บปวดเกิดขึ้นเรื่อย ๆ
เก้าอี้ว่างที่โต๊ะว่าง
ตอนนี้เพื่อนของฉันตายและจากไป

ที่นี่พวกเขาพูดถึงการปฏิวัติ
ที่นี่พวกเขาจุดไฟ
พวกเขาจะไม่สามารมร้องเพลงได้อีกไม่ว่าวันพรุ่งนี้หรือวันหน้า
เหลือเพียงโต๊ะที่ว่าง
อยากให้พวกเขาสามารถเห็นโลกที่เกิดใหม่
อยากเห็นพวกเขาลุกขึ้นพร้อมกับเสียงที่ดังขึ้น
และฉันได้ยินพวกเขาแล้ว
คำพูดที่พวกเขาร้อง

เเต่นั้นกลับกลายเป็นการมีส่วนร่วมครั้งสุดท้ายของพวกเขา
บนซากที่กีดขวางอันโดดเดี่ยวนี้ในยามรุ่งสาง
โอ้เพื่อนของฉันเพื่อนของฉันให้อภัยฉัน
ที่ฉันมีชีวิตและคุณจากไป

มีความเศร้าโศกที่ไม่สามารถพูดได้
และมีความเจ็บปวดเกิดขึ้นเรื่อย ๆ
เงาของความมืดกำลังส่องไปทางหน้าต่าง
เหมือนเงาผีบนพื้น

เก้าอี้ที่ว่างเเละโต๊ะที่ว่างเปล่าที่เพื่อนของฉันจะไม่พบเจออีกต่อไป
โอ้เพื่อนของฉันเพื่อนของฉันการเสียสละของคุณ
เก้าอี้ว่างเเละโต๊ะที่ว่างเปล่า
เมื่อไม่มีเพื่อนของฉัน ฉันก็จะไม่ร้องเพลงอีกต่อไป
จุดเด่นของบทเพลง : 
บทเพลงนี้อยู่ในฉากที่ตัวละครที่ชื่อว่า Marius ตื่นขึ้นมาหลังจากเหตุการณ์การปะทะกันระหว่างทหารเเละประชาชน เเล้วพบว่าทุกคนนั้นได้ตายจากไปหมดเเล้วเหลือเพียงตัวเขาเพียงคนเดียว ทำให้ตัวของ Marius เกิดความรู้สึกเศร้าเเละเสียใจ บทเพลงนี้ประพันธ์ขึ้นในบันไดเสียงไมเนอร์ ทำให้เสียงของเเนวประสานเเละเเนวทำนองของนักร้องมีเสียงที่ฟังดูมืดมน เเละเศร้าเพราะว่าผู้ประพันธ์ต้องการสื่ออารมณ์ของการสูญเสีย เเละถ่ายทอดความเศร้าออกมา โดยเเต่งให้เเนวประสานบรรเลงโดยมีการใช้สัญลักษณ์ Arpeggio ซึ่งมีความหมายว่า "บรรเลงโน้ตในคอร์ดที่ละตัวไม่พร้อมกัน" พร้อมกับการใช้สัญญาลักษณ์ Andante ซึ่งมีความหมายว่า "บรรเลงค่อนข้างช้าเเละเรียบ" เเละกำหนดความดังเบาของการบรรเลงเเนวประสานโดย สัญลักษณ์ P ซึ่งมีความหมายว่า "บรรเลงเบา" พอรวมกันเเล้วจะทำให้เเนวประสานนั้นบรรเลงออกมาที่ล่ะตัวโน้ตอย่างช้า ๆ เเละเบาเพื่อสื่ออารมณ์ให้เหมือนกับความ
เคร้าเสียใจ ของการสูญเสียบุคคลที่รักไป  
T1.png
(1)  C.M. Schönberg : Empty Chairs at Empty Tables, ห้องที่ 1-2  
จุดเด่นอีกอย่างของบทเพลงนี้คือช่วงกลางของบทเพลง ผู้ประพันธ์บทเพลงได้มีการเเต่งทำนองในท่อนนี้ ให้มีการสื่ออารมณ์ของการสูญเสีย
มากขึ้น โดยเเต่งเเนวทำนองของนักร้อง ให้มีการขับร้องไล่เสียงขึ้นไปเรื่อย ๆ จากตัว D ขึ้นไปที่ตัว E เเละ G พร้อมกับเเต่งเเนวประสาน
ให้บรรเลงดังขึ้น เพื่อส่งตัวทำนองหลักของนักร้องถ่ายทอดอารมณ์ของความเสียใจออกมาให้มาก โดยใช้สัญลักษณ์ F ซึ่งมีความหมายว่า
"บรรเลงให้ดังขึ้น" 
t2.png
t3.png
(2)  C.M. Schönberg : Empty Chairs at Empty Tables, ห้องที่ 25-31 
งานออกแบบที่ไม่มีชื่อ (2).jpg
ผังเวทีการเเสดงเพลง Gretchen am Spinnrade เเละ บทเพลง Empty Chairs At Empty Tables ผมให้ฉากนี้เป็นเหมือนกับการที่มนุษย์เรานั้นต้องถูกทอดทิ้ง เเละกำลังเจอกับปัญหาที่เขามาในชีวิตอย่างหนักหน่วง จึงมีเเค่ตัวของผมคนเดียวที่อยู่บนเวที กับนักเปียโน ที่บรรเลงเเนวประสาน 
งานออกแบบที่ไม่มีชื่อ (11).jpg
ภาพฉากหลังบนเวทีของฤดูกาลแห่งมรสุม ประกอบไปด้วย 2 บทเพลง Gretchen am Spinnrade เเละบทเพลง Empty Chairs At Empty Tables  ผมให้ฉากนี้เป็นเหมือนกับการที่มนุษย์เรานั้นต้องถูกทอดทิ้ง เเละกำลังเจอกับปัญหาที่เขามาในชีวิตอย่างหนักหน่วง
bottom of page