top of page

บทเพลง : Winterstürme wichen dem Wonnemond

 ประพันธ์ โดย : Richard Wagner

  • บทเพลงนี้เป็นเพลงประเภทโอเปร่าจากเรื่อง  Die Walküre ประพันธ์ในภาษาเยอรมัน

        และเป็นโอเปร่า 4 เรื่องสุดท้ายของ  Richard Wagner  
 

  • ที่มาของบทเพลงอ้างอิงมาจากตำนานนอร์ส  เป็นเทพนิยายตำนานซึ่งเป็นช่วงปลายศตวรรษที่ 13

 

  • เนื้อหาของบทเพลงนี้เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในฤดูหนาว เกี่ยวกับการที่ตัวเอกของเรื่องกำลังที่จะไปช่วยชีวิตน้องสาวของตนที่ตกอยู่ในอัตราย 

  • Winterstürme wichen dem Wonnemond

in mildem Lichte leuchtet der Lenz

auf linden Lüften leicht und lieblich

Wunder webend er sich wiegt

durch Wald und Auen weht sein Atem

weit geöffnet lacht sein Aug

aus sel'ger Vöglein Sange süss er tönt

holde Düfte haucht er aus

seinem warmen Blut entblühen wonnige Blumen,

Keim und Spross entspringt seiner Kraft

Mit zarter Waffen Zier bezwingt er die Welt

Winter und Sturm wichen der starken Wehr

wohl musste den tapfern Streichen

die strenge Türe auch weichen

die trotzig und starr uns trennte von ihm. 

Zu seiner Schwester schwang er sich her

die Liebe lockte den Lenz

in unsrem Busen barg sie sich tief

nun lacht sie selig dem Licht

Die bräutliche Schwester befreite der Bruder

zertrümmert liegt, was je sie getrennt

jauchzend grüsst sich das junge Paar

vereint sind Liebe und Lenz!

  • Winter storms gave way to the merry moon, Springtime gleams in mild light On bland airs, gentle and lovely He sways by doing wonders Through woods and meadows blows his breath His eye laughs widely apart He chimes from overjoyed bird's sweet singing He exhales lovely fragrances Delightful flowers reflourish his warm blood Germ and sprout arise from his strength With tender weapon's ornament he conquers the world Winter and storm gave way to the strong fight Even the rigid door Which defiantly and rigidly seperated us from him Had do give way to the brave strokes He came here to his sister Love tempted springtime It hided deeply in our bosom Now it smiles overjoyed at the light             The brother unchained the bridal sister Whatever seperated them lies in ruins The young couple welcomes each other with jubilation Love and springtime are united!

  • ในพายุฤดูหนาวฉันมองเห็นดวงจันทร์ที่สวยงาม

แสงฤดูใบไม้ผลิเปล่งประกายอ่อน 

ชั่งดูอ่อนโยนและน่ารัก

เขาแกว่งไปมาช่างน่าอัศจรรย์ 

ผ่านป่าและทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่

ดวงตาของเขามองออกไปอย่างกว้างขวาง

เสียงนกร้องเหมือนกับเสียงระฆัง

เขาหายใจออกเสียงดัง

ดอกไม้ที่สวยงามเปล่งประกาย

ร่างกายอันอบอุ่นของเขาช่างแข็งแกร่ง

อาวุธที่ทำให้เขาพิชิตโลก

ช่วงฤดูหนาวและพายุทำให้เกิดเป็นสงคราม 

แม้แต่ประตูที่แข็งทื่อ

ซึ่งแยกเราจากกันเหนียวแน่น

เเต่ไม่สามารถหลีกทางให้กับความกล้าหาญของเขาได้

เขามาที่นี่เพื่อน้องสาวของเขา

ฤดูใบไม้ผลิล่อลวง

มันซ่อนลึกอยู่ในอกของเราตอนนี้มันยิ้มอย่างปลื้มปิติกับแสงพี่ชายทำให้น้องสาวว่าอะไรก็ตามที่แยกพวกเขาอยู่ในซากปรักหักพังคู่รักหนุ่มสาวยินดีต้อนรับกันและกันด้วยความปีติยินดี

Wagner.jpg

เกิด : 22 พฤษภาคม 1813 เมือง Leipzig ประเทศเยอรมันนี

ตาย : 13 กุมภาพันธ์ 1883  เมือง เวนิส  ประเทศอิตาลี

สัญชาติ (Nationality)

 ชาวเยอรมัน

ยุคสมัยดนตรีและระยะเวลา (Style / Period)

ยุคโรแมนติก ค.ศ.1820 - 1910

Romantic Period 1820 - 1910

ตัวอย่างผลงานที่มีชื่อเสียง (Famous Works)

The Ring of the Nibelungs, Rienzi, Flying Dutchman, Tanhauser, Lohengrin, Die Meistersinger, Tristan und Isolde

  • อัตชีวประวัติ (Biography)

     ริชชาร์ด วากเนอร์(Richard Wagner) เป็นนักแต่งเพลงที่มีชื่อเสียงของเยอรมัน มีชื่อเสียงทางด้านอุปรากร  และการเรียบเรียงเสียงประสานสำหรับวงออร์เคสตรา  วากเนอร์มีความสนใจในวรรณคดี และบทละครของ วิลเลียม เชคสเปียร์ (William Shakespeare)เมื่ออายุ 15 ปีเขาสามารถเขียนบทละครได้ และเมื่อ 16 ปี เขาประพันธ์เพลงแรกได้  เมื่อโตขึ้นเขาได้เข้าไปเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งเมืองไลป์ซิก ประเทศเยอรมัน เขาสนใจในเรื่องการประพันธ์บทเพลง   วากเนอร์ได้ประพันธ์บทเพลงซิมโฟนีบทแรกและได้แสดงเมื่อ ปี ค.ศ. 1832

     ในปี 1836 วากเนอร์ได้แต่งงานกับนักร้องที่มีชื่อว่า มินนา แพลนเนอร์(Minna Planer) และได้ย้ายไปอยู่ที่เมืองเล็กๆแห่งหนึ่งในเยอรมัน ที่ซึ่งเขาได้ไปเป็นผู้กำกับวงดนตรีที่โรงมหรสพที่เมืองนั้นด้วย  ในระยะเวลานี้เขาได้แต่งอุปรากร 2 เรื่อง คือ  Rienzi และ  Last of the Tribunes  เป็นเรื่องที่ได้เค้าโครงมาจากนวนิยาย และได้นำออกแสดงที่เมือง Dresden ประเทศเยอรมัน ในปี 1842 ซึ่งก็ประสบกับความสำเร็จพอสมควร  เนื่องจากวากเนอร์เป็นคนที่ชอบความหรูหรา ฟุ่มเฟือย ชอบใช้ของดี มีรสนิยมสูง จึงทำให้เขามีปัญหาในเรื่องการเงินอย่างมาก  วากเนอร์และภรรยาต้องต่อสู้ชีวิตด้วยการทำงานหลายอย่าง ทั้งประพันธ์บทเพลง  ประพันธ์อุปรากรและเขียนหนังสือ  เพื่อที่จะให้ได้เงินมาใช้จ่ายในสิ่งที่ตนเองต้องการ

      เมื่ออายุได้ 27 ปี วากเนอร์ได้ประพันธ์อุปรากรชุด Der Ring des Nibelungen (The Ring of the Nibelungs) ที่ประกอบด้วยเรื่องย่อยๆ  4 เรื่อง  คือ Das Rheingold(The Rhiengold) , Die Walküre(The Valkyrie), Siegfried(Siegfried) และGötterdämmerung(Twilight of the Gods)  รวมเวลาที่ใช้บรรเลงดนตรีในอุปรากรเรื่องนี้ทั้งหมด18 ชั่วโมง  เขาใช้เวลาแต่งถึง 22 ปี จึงสำเร็จ  วากเนอร์ได้เป็นผู้ออกแบบและควบคุมการก่อสร้างโรงมหรสพที่เมืองไบรอยท์ (Bayreuth) ในประเทศเยอรมันด้วยตนเอง ณ โรงมหรสพแห่งนี้คือสถานที่ใช้จัดการแสดงอุปรากรเรื่อง The Ring  of the Nibelungs ตั้งแต่ครั้งแรกจนถึงปัจจุบัน  ดังนั้นทำให้คนทุกมุมโลกได้เดินทางมาชมอุปรากรเรื่อง The Ring of the Nibelungs  ณ โรงมหรสพแห่งนี้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นการได้มาชมการแสดงที่เป็นแบบฉบับของอุปรากรเรื่องนี้จริงๆ

  • จุดเด่นของบทเพลง : การเเต่งเเนวประสานให้เหมือนกับ การเคลื่อนไหวของคลื่นหิมะในฤดูหนาว โดยใช้เทคนิค Apegeio  เเละมีการใช้สัญลักษณ์ Massig bewegt ซึ่งมีความหมายว่า การเคลื่อนไหวในจังหวะปานกลาง เข้ามาช่วยสื่อให้เเนวประสานบรรเลงไม่เร็วมาก

(1) R. Wagner: Winterstürme wichen dem Wonnemond ห้องที่ 1-4

  • ในห้องที่ 18-27 ผู้ประพันธ์ได้เพิ่มทำนองประสานบรรเลงโดย Clarlnette เล่นเป็น Apegeio ช้อนไปพร้อมกับเเนวประสานที่บรรเลงโดยวง           ออเคสตร้า เพื่อให้สื่ออารมณ์ของหิมะที่กำลังตกในฤดูหนาวมากขึ้น  

 

 

(2) R. Wagner: Winterstürme wichen dem Wonnemond ห้องที่ 18-27

REFERENCE


 

W1.png
tempsnip.png
bottom of page